ประกันชีวิตเพื่อความคุ้มครอง คือ
คุ้มครองครอบครัวจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันให้ผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้อยู่ข้างหลัง เมื่อพูดถึงการซื้อประกัน หลายคนคงคิดว่าจำเป็นหรือไม่ มันจะคุ้มหรือไม่? แต่เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เราถึงเริ่มมาคิดกันว่า “รู้อย่างงี้ เราน่าจะมีประกันไว้”
ทั้งนี้นิยามของ “ความเสี่ยง” ของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกประกัน ที่คุณควรมีติดตัวไว้เพื่อปกป้องคุณจากความเสี่ยงจึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ดีว่า ประกันแต่ละประเภทมีประโยชน์อย่างไร และ เลือกแบบประกันที่ตรงกับความต้องการ เพื่อผลประโยชน์ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ
ประกันชีวิตแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร
- ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หรือ “whole life” คือประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองระยะยาว มีระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันทั้งแบบตลอดชีพและแบบชั่วระยะเวลาหนึ่ง มีทั้งแบบจ่ายครั้งเดียว หรือจ่ายเบี้ยรายปี/รายไตรมาส/รายเดือน รวมถึงมีทั้งแบบมีเงินปันผลและไม่มีเงินปันผล ขึ้นอยู่กับแบบประกันและเงื่อนไขของกรมธรรม์ หากคุณต้องการความคุ้มครองระยะยาว ประกันชีวิตแบบตลอดชีพน่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะกับคุณ
- ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา หรือ “term” คือประกันชีวิตที่กำหนดระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย โดยสามารถเลือกระยะเวลาการชำระค่าเบี้ยประกันและช่วงระยะเวลาคุ้มครองที่ต้องการรับความคุ้มครองได้เอง เป็นกรมธรรม์ที่มีเบี้ยประกันค่อนข้างต่ำ แต่จะได้ประโยชน์เมื่อเสียชีวิตในระยะเวลาที่ทำประกันเท่านั้น (ไม่มีเงินครบสัญญา) ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด ต้องการทำประกันเพื่อรองรับความคุ้มครองเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา สามารถเลือกระยะเวลาความคุ้มครองชีวิตได้ว่าจะเป็น 5, 10, 15 หรือ 20 ปี
- ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ หรือ “endowment” คือแบบประกันที่เน้นการออมเงิน ที่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ มีให้เลือกแบบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เป็นประกันที่เหมาะกับคนที่อยากมีเงินออม พร้อมรับความคุ้มครองชีวิตตลอดอายุกรมธรรม์
ประกันชีวิตสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ต่อปี โดยต้องเป็นประกันชีวิตแบบที่ให้ความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
เรื่องน่ารู้: ยิ่งเราซื้อประกันตอนเราอายุน้อยเท่าไหร่ ประกันชีวิตก็จะราคาถูก เท่านั้น
การคำนวณเบี้ยประกันชีวิตจะคำนวณราคาตามวันเกิดของผู้สมัคร และวันที่สมัครเป็นหลัก ดังนั้น การทำประกันตั้งแต่อายุยังน้อย และทำก่อนวันเกิด จึงได้เบี้ยที่ถูกกว่า ซึ่งสามารถประหยัดได้เป็นพัน หรือบางแผนเป็นหมื่นบาท และยังมีข้อดีอื่นๆ อีกก็คือ ได้ความคุ้มครองชีวิต ส่วนถ้าเป็นประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์แบบที่มีเงินคืนก็จะได้เงินคืนตั้งแต่อายุยังไม่เยอะกันอีกด้วยสะสมทรัพย์แบบที่มีเงินคืนก็จะได้เงินคืนตั้งแต่อายุยังไม่เยอะกันอีกด้วย
Leave A Comment